1.ความเป็นครู
ความสำคัญของวิชาชีพครู บทบาทหน้าที่ภาระงานและความรับผิดชอบของครู
การพัฒนาการของวิชาชีพครู คุณลักษณะของครูที่ดี การเป็นครูดี
ครูเก่งและครูที่มีความสามารถถ่ายโยงความรู้ การสร้างทัศนคติที่ดีต่อวิชาชีพครู
การเสริมสร้างศักยภาพและสมรรถภาพความเป็นครู การเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้
มีวิสัยทัศน์และการเป็นผู้นำทางวิชาการ เกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพครู
จรรยาบรรณของวิชาชีพครู การสร้างเสริมคุณธรรม จริยธรรมสำหรับครู
การพัฒนาบุคลิกภาพให้สอดคล้องกับวิชาชีพครู
การส่งเสริมความรักความศรัทธาและเจตคติที่ถูกต้องต่อวิชาชีพครู
ครูกับองค์กรวิชาชีพครู
แนวทางควบคุมส่งเสริมและสร้างสรรค์วิชาชีพครูให้เป็นวิชาชีพชั้นสูง
ที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรีทัดเทียมกับวิชาชีพอื่น ๆ
คำว่า ครู หรือคุรุ ในภาษาไทยมาจากคำว่า คุรุธาตุ หรือ ครธาตุ
ซึ่งแปลความได้ว่าเป็นผู้ที่หนักในวิชาความรู้ ในคุณธรรม และในภารกิจการงานรวมทั้งการทำหน้าที่ยกย่องเชิดชูศิษย์ของตนเอง จากผู้ที่ไม่รู้ให้กลายเป็นผู้รู้ ผู้ที่ไม่มีความสามารถให้มีความสามารถ
ผู้ที่ไม่มีความคิดให้มีความคิด ผู้ที่มีความประพฤติไม่เหมาะสมให้มีความเหมาะสม
และจากผู้ที่ไม่พึงปรารถนาให้เป็นผู้ที่พึงปรารถนา
ซึ่งตามนัยของความเป็นครูในภาษาไทยจึงเป็นผู้ที่ต้องทำงานหนักจริงๆ ส่วนในภาษาอังกฤษมาจากคำว่า TEACHER ก็เช่นเดียวกัน กล่าวคือ
T-
Teach E– Example A–Ability
C- Characteristic H– Health E- Enthusiasm R - Responsibility
1.
TEACH (การสอน)
คุณลักษณะประการแรกของความเป็นครูก็คือ ต้องสอนได้
สอนเพื่อให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการเรียนรู้ในตนเอง
มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปในทางที่ดี
โดยการ :
1.
ฝึกฝนแนะนำให้เป็นคนดี
2.
สอนให้เข้าใจแจ่มแจ้ง
3.
สอนศิลปวิทยาให้หมดสิ้น
4.
ยกย่องให้ปรากฏในหมู่คณะ
5.
สร้างเครื่องคุ้มกันในสารทิศ (สอนให้รู้จักเลี้ยงตัว
รักษาตนในอันที่จะดำเนินชีวิตต่อไปด้วยดี)
และที่สำคัญคือ
6.
ต้องสอนให้เกิดความงอกงามทางสติปัญญา มีความคิด และสร้างสรรค์
อย่างไรก็ตามการสอนของครูแต่ละคนนั้นขึ้นกับทักษะและลักษณะของตนเอง
(Teaching skill and style) เป็นการนำเทคนิควิธีและทักษะหลาย ๆ ด้านมาผสมผสานให้เหมาะสมสอดคล้องกัน
จึงต้องใช้เทคนิคและทักษะหลายด้านร่วมกับประสบการณ์เพื่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้
และต้องมุ่งจัดสรรการเรียนรู้นั้นไปในทิศทางที่ดีและมีคุณธรรมในสังคม
บทบาทการสอนของครูจึงต้องดำเนินการ โดย
1.
สอนเนื้อหาวิชาการตามหลักสูตรรายวิชาที่ได้รับมอบหมาย
โดยการมีการเตรียมการสอนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ตั้งแต่การทำ Course Syllabus
แผนจัดการเรียนรู้หรือแผนการสอนรายชั่วโมง การดำเนินการสอน
และการประเมินผล มีการปรับปรุงพัฒนา และสร้างผลงานทางวิชาการอยู่เสมอ
2.
สอนการปรับตัวให้เหมาะสมในสังคม
3.
สอนให้ให้เจริญเติบโต มีความคิด มีเหตุผล
และมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ตามแผนที่ได้กำหนดหรือเตรียมการไว้เป็นอย่างดี
2.
EXAMPLE (เป็นตัวอย่าง)
ผู้เรียนโดยทั่วไปนั้นจะ “เรียน” และ “เลียน” จากตัวครู การทำตัวเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างจึงเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลมากกว่าการบอกกล่าวเฉยๆ
เพราะการแสดงต้นแบบให้เห็นด้วยสายตานั้น
เป็นภาพที่มองเห็นชัดเจนและง่ายต่อการลอกเลียนยิ่งกว่าการรับฟังและบอกเล่าอย่างปกติ
ถ้าต้องการให้ผู้เรียนเป็นอะไร จงพยายามแสดงออกเช่นนั้นทั้งในการดำเนินชีวิตและในการสนทนา
การวางตัวของครูเป็นตัวอย่างหรือเยี่ยงอย่างให้แก่ผู้เรียนได้มาก
แม้ว่าผู้เรียนจะมีความคิด
ความอ่านของตนเองที่ไม่ต้องการเลียนแบบผู้ใหญ่ทุกประการเหมือนเด็กเล็ก แต่ครูก็
คือครูที่ผู้เรียนพิจารณาว่ามีความหมายสำคัญอยู่มาก โดยเขาจะสนใจและเฝ้าสังเกตนับตั้งแต่การแต่งกาย
ไปจนถึงการประพฤติปฏิบัติ จะเป็นประสบการณ์ให้เขาได้พิจารณา
นอกจากนี้การรู้ตัวเองของครู การแนะนำให้ผู้เรียนประพฤติให้เหมาะสม
ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ครู (ตัวเรา) ต้องประพฤติและปฏิบัติตนให้เหมาะสมด้วย
3.
ABILITY (ความสามารถ)
คำว่า “ความสามารถ” หมายถึงกำลังที่มีจริงในการแสดงหรือในการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง
ไม่ว่าการกระทำนั้นจะเป็นการกระทำทางกายหรือทางจิตใจ
และไม่ว่ากำลังนั้นจะได้มาจากการฝึกฝนอบรมหรือไม่ก็ตาม แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
ความสามารถทั่วไป (general ability) และความสามารถพิเศษ (specific
ability) นอกจากนั้นครูจะต้องทราบถึงการเปลี่ยนแปลงใหม่หรือนวตกรรมทางการศึกษา
(inovation in teaching) เพื่อจะช่วยปรับปรุงและพัฒนากระบวนการเรียนรู้หรือการเรียนการสอนให้ดียิ่งขึ้นไป
การเรียนการสอนก็เช่นเดียวกับการวินิจฉัย การรักษาโรคทางการแพทย์หรือจะสมมติเป็นการปรุงอาหารในครัวก็ได้
ที่จะต้องแสดงฝีมืออย่างเต็มที่ให้ได้อาหารอร่อยที่สุด ดังนั้นครูจึงต้องประเมินตัวเอง ประเมินการสอน
และปรับปรุงข้อบกพร่องของสิ่งที่ตนสอนไปเสมอ (diagnosis and treatment of
course defects) เพื่อให้ผลการสอนดีที่สุด
นอกจากครูจะต้องเข้าใจบทบาทความเป็นครูของตนเองแล้ว (teacher’s
role) ครูควรจะมีความสามารถดังนี้
- จิตวิทยาการเรียนรู้ (psychology
of learning)
- การกำหนดวัตถุประสงค์ของการสอนอย่างชัดเจน
(specific of objectives)
- การวิเคราะห์เนื้อหา (content
analysis)
-
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
(learning activities)
- การนำโสตทัศนูปกรณ์มาช่วยสอน (the
application of audiovisual aids)
- การจัดทำแผนการสอน (course
syllabus and Lesson planning)
- การประเมินการเรียนการสอน
(assessment)
4.
CHARACTERISTIC (คุณสมบัติ)
ความหมายที่ใช้โดยทั่วไป หมายถึง
คุณภาพหรือคุณสมบัติที่สังเกตได้ชัดเจนในตัวบุคคล
ทำให้ทราบได้ว่าบุคคลนั้นแตกต่างไปจากบุคคลอื่นๆ ในความหมายเฉพาะ อุปนิสัยหมายถึง
ผลรวมของนิสัยต่างๆ ที่บุคคลมีอยู่ หรือผลรวมของลักษณะของพฤติกรรมต่างๆ ของบุคคล ตามความเข้าใจของคนทั่วไป
คำว่าอุปนิสัยนี้แฝงความหมายของคุณธรรมจรรยาในตัวด้วย เช่น
เราพูดว่าเขาผู้นั้นมีอุปนิสัยดี เป็นต้น ในคุณสมบัติของความเป็นครู สิ่งสำคัญคือ
ครูจะต้องมีเจตคติที่ดีต่อผู้เรียน
ต่อวิชาที่สอน และต่องานที่ทำ
5.
HEALTH (สุขภาพดี)
การมีสุขภาพดี หมายถึงการไม่มีโรค
รวมถึงมีสภาพทางร่างกายและจิตใจที่สมบูรณ์แข็งแรงพอที่จะดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างปกติสุข ผู้ที่เป็นครูนั้นต้องทำงานหนัก
ดังนั้นสุขภาพทางด้านร่างกายจึงเป็นสิ่งสำคัญ แต่ที่สำคัญกว่าคือสุขภาพจิต
คงเคยได้ยินคำว่า “จิตเป็นนาย
กายเป็นบ่าว” ดังนั้นครูจึงจำเป็นต้องมีสุขภาพจิตที่ดีด้วย
จิตดีนั้นไม่เพียงแต่ไม่เป็นโรคจิตโรคประสาทเท่านั้น แต่เป็นผู้ที่มีสมรรถภาพ
มีการงานและมีชีวิตที่เป็นสุขทำประโยชน์ต่อสังคมด้วยความพอใจ
สามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม
รวมทั้งต่อบุคคลที่เราอยู่ร่วมและต่อสังคมที่เราเกี่ยวข้อง
โดยไม่ก่อความเดือดร้อนให้ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น
6.
ENTHUSIASM (ความกระตือรือล้น)
ความกระตือรือล้นของครูนั้น อาจจะเป็นการใฝ่หาความรู้ใส่ตน
เพราะจะต้องถือว่าการใฝ่หาความรู้เพื่อปรับปรุงการเรียนการสอนนั้นเป็นกระบวนการอย่างหนึ่งของการพัฒนาตน
(Learning to teach is a process of self-development) การเพิ่มพูนความรู้มีหลายรูปแบบ
เช่น การประชุมสัมมนา อบรมระยะสั้น
จะทำให้ครูที่ขาดความรู้ในเรื่องที่ตนสอนได้มีความรู้เพิ่มเติมและทำให้มีความมั่นใจในการสอนมากขึ้น
ความกระตือรือล้นของครูนั้น ไม่ใช่มุ่งเน้นเฉพาะการพัฒนาตัวครูเท่านั้น
แต่จะต้องมีความกระตือรือล้นในการพัฒนาการเรียนการสอนด้วย
7.
RESPONSIBILITY (ความรับผิดชอบ)
ครูที่ดีจะต้องมีความรับผิดชอบในหน้าที่ของตนตามที่ได้กล่าวมาแล้วเป็นอย่างดี
รวมทั้งยอมรับผลแห่งการกระทำนั้นๆ ไม่ว่าจะดีหรือไม่ก็ตาม และพร้อมที่จะปรับปรุงแก้ไข
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น